.Net Core 3 คือ .NET เวอร์ชันโอเพนซอร์สที่รองรับฟีเจอร์บางส่วนของ .NET Framework เดิม แต่สามารถทำงานได้ข้ามแพลตฟอร์ม (รองรับแมคและลินุกซ์ด้วย) ที่ผ่านมา .NET Core เน้นการใช้งานแอพพลิเคชันประเภท ASP.NET, คอมมานด์ไลน์ และแอพเดสก์ท็อปแบบ UWP เท่านั้น
โดยเจ้าตัว .Net Core 3 สามารถใช้งานข้ามแพลตฟอร์มทั้ง macOS ,Linux ,Ubuntu ,Docker และอื่นๆ ซึ่งจากที่กล่าวมา เนื่องจากเป็นโอเพนซอร์ส ทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องไปกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเรื่องลิขสิทธิ์ เราสามารถที่จะพัฒนาอะไรก็ได้ เพราะมันทำงานได้ทุกแฟลตฟอร์ม
โดยเจ้า .Net Core สามารถใช้ร่วมกับ Visual Studio Community โดยมีผู้ใช้ไม่เกิน 5 คน สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ใช้ Visual Studio Enterprise (มี PC มากกว่า 250 เครื่อง หรือ รายรับต่อปีมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ในรุ่นนี้นอกจากเรื่องการรองรับแอพเดสก์ท็อป WinForms, WPF ได้แก่
- รองรับภาษาโปรแกรมเวอร์ชันใหม่ C# 8.0 และ F# 4.7 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่ระดับตัวภาษาหลายอย่าง
- ใช้ไลบรารีมาตรฐาน .NET Standard เวอร์ชัน 2.1 ทำให้ใช้โค้ดร่วมกับโปรเจคต์ที่เป็น Xamarin ได้ด้วย
- ปรับปรุงประสิทธิภาพของโมดูลหลายตัวให้ดีขึ้นมาก, เพิ่ม JSON API ที่ประสิทธิภาพสูง
- garbage collector ใช้หน่วยความจำน้อยลง
- แอพ .NET Core จะมีไฟล์ executable ให้เป็นดีฟอลต์ (ก่อนหน้านี้ต้องสั่งรันจากไฟล์ DLL กันเอง)
- รองรับการรัน .NET Core บนแพลตฟอร์ม ARM, Raspberry Pi เพื่อใช้งานในอุปกรณ์ IoT
- ปรับปรุงการรันใน Docker ให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น
- รองรับการแสดงกราฟ WinForm Chart Control
ที่มา blognone